สินค้าโลหะหมายถึงวัตถุดิบที่ขุดหรือสกัดมาจากโลกและมีมูลค่าทางเศรษฐกิจในตัวเองเนื่องจากคุณสมบัติทางกายภาพและการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ สินค้าโลหะสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก ได้แก่ โลหะมีค่าและโลหะพื้นฐาน
1. โลหะมีค่า:
- ทองคำ: ทองคำเป็นโลหะที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงาม ความหายาก และมูลค่า ถูกใช้ในเครื่องประดับ การลงทุน และเป็นตัวเก็บมูลค่า นอกจากนี้ยังใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ทันตกรรม และอวกาศ
- เงิน: มักเรียกกันว่า "ทองคำของคนจน" เงินถูกใช้ในเครื่องประดับ เหรียญ อิเล็กทรอนิกส์ และการใช้งานในอุตสาหกรรม เช่น แผงโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์ทางการแพทย์
- แพลตตินัม: แพลตตินัมถือเป็นโลหะมีค่าที่มีค่ามากที่สุดชนิดหนึ่ง ใช้ในเครื่องฟอกไอเสีย เครื่องประดับ และในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และกระบวนการทางเคมี
- แพลเลเดียม: แพลเลเดียมเป็นโลหะหายากและมีความเงางาม โดยส่วนใหญ่ใช้ในเครื่องฟอกไอเสีย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมเครื่องประดับ
2. โลหะพื้นฐาน:
- ทองแดง: โลหะที่ใช้ในอุตสาหกรรมอย่างแพร่หลาย ทองแดงมีความจำเป็นสำหรับการเดินสายไฟฟ้า ประปา การก่อสร้าง และอิเล็กทรอนิกส์ ทองแดงมักถูกเรียกว่า "ทองแดง" เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาถือเป็นเครื่องวัดเศรษฐกิจโลก
- อะลูมิเนียม: อะลูมิเนียมมีน้ำหนักเบาและทนต่อการกัดกร่อน จึงใช้ในอุตสาหกรรมขนส่ง บรรจุภัณฑ์ การก่อสร้าง และการบินและอวกาศ
- สังกะสี: สังกะสีมีคุณสมบัติป้องกันการกัดกร่อน ใช้ในการชุบสังกะสี การผลิตแบตเตอรี่ และเป็นโลหะผสมในผลิตภัณฑ์โลหะต่างๆ
- นิกเกิล: นิกเกิลเป็นโลหะอเนกประสงค์ ใช้ในการผลิตสแตนเลส แบตเตอรี่ เหรียญ และการใช้งานด้านการบินและอวกาศ
- ตะกั่ว: ตะกั่วมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนและความหนาแน่นสูง จึงใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ วัสดุก่อสร้าง และเป็นเกราะป้องกันรังสี
สินค้าโลหะมีการซื้อขายกันทั่วโลกในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดซื้อขายนอกตลาด และแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ เช่นเดียวกับสินค้าเกษตร โลหะเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งทำให้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก